หลายคนคุ้นเคยกับการส่งพัสดุภายในประเทศเป็นอย่างดี เนื่องด้วยเป็นบริษัทขายสินค้าที่ต้องส่งสินค้าเป็นประจำ ขั้นตอนการส่งพัสดุภายในประเทศนั้นไม่ยุ่งยาก แค่เพียงแพ็คของใส่กล่องใส่ซองให้แน่นหนา เพื่อป้องกันความเสียหาย จ่าหน้าซองถึงปลายทางและกรอกชื่อที่อยู่ผู้ส่ง พร้อมยื่นบัตรประชาชนยืนยันตัวตน ก็สามารถส่งของได้เลยทันที แต่การส่งพัสดุเพื่อส่งสินค้าไปต่างประเทศนั้นยากกว่า เทียบไม่ได้เลยกับการส่งพัสดุภายในประเทศ จำเป็นต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง เราตามไปดูพร้อม ๆ กันเลย
เอกสารที่จำเป็นในการส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศ
1.B/L ( BILL OF LANDING) ใบตราส่งสินค้า เป็นเอกสารที่ใช้เป็นหลักฐานในการขนส่งสินค้าทางเรือ โดยสายเรือเป็นผู้ออกให้กับ ผู้ใช้บริการ โดยมีเนื้อหาว่า สินค้าคืออะไร น้ำหนักเท่าไหร่ ผู้ซื้อและผู้ขายเป็นใคร
2.EXPORT LICENCE (ใบอนุญาตการส่งออก)ปกติแล้วสำหรับผู้ที่ต้องการส่งออกนั้นจะต้องมีการลงทะเบียนเป็นผู้นำเข้า และส่งออก กับทางกรมศุลฯ ก่อนถึงจะทำพิธีการกรมศุลกากรได้
3.EXPORT PERMIT (ใบอนุญาตการส่งออกของสินค้า)ในสินค้าบางชนิดนั้นจะต้องมีการขอใบอนุญาตการส่งออกก่อน อาทิเช่น สินค้าเกษตรกร จำพวก ข้าว กาแฟ หรือวัตถุดิ บางอย่าง
4.C/O ( CERTIFICATE O F ORIGIN) นั้น คือใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า ความหมายนั้นตรงตัวเลย มันคือใบรับรองของสินค้านั้นว่าเป็นสินค้าของประเทศไทย สำหรับใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้านั้น บางประเทศที่เราต้องการส่งออก อาจจะมีการขอใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า เพื่อไปใช้ลดหย่อนภาษี หรือไปใช้สิทธิพิเศษของกรมศุลกากรของแต่ละประเทศ การออกใบนี้ จะต้องรับรองโดยหน่วยงายราชการ ผู้รับผิดชอบในเอกสารนี้คือ กรมการค้าต่างประเทศกระทรวงพาณิชย์
5.INVOICE (ใบแสดงมูลค่าของสินค้า)สำหรับทุกครั้งของการส่งออกและการทำพิธีการกรมศุลกากร หรือใบขนขาออกนั้น เราจะต้องมี INVOICE หรือใบแสดงมูลค่าสินค้านั้น เพื่อมาทำพิธีการ และสามารถส่งให้ต่างประเทศเพื่อเป็นหลักฐานแสดงมูลค่าของสินค้านั้นด้วย
6.PACKING LIST (ใบแสดงรายละเอียดสินค้า)คือ ใบนี้จะเป็นใบที่บ่งบอกของจำนวนของสินค้า น้ำหนัก ขนาด ซึ่งจะบอกรายละเอียดของสินค้าทุกอย่าง
7.PINK FORM คือ ใบรับรองแหล่งผลิต แหล่งกำเนิดอาหารปลอดโรค โดยหน่วยงานที่ให้การรับรองนี้ คือสำนักโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณะสุข
8.CERFITICATE OF HEALTH หรือบางที่อาจจะเรียกว่าHEALTH CER นั้นคือหนังสือรับรองคุณภาพและอนามัยของสินค้า ประเภออาหารและสินค้าทางการเกษตร
9.CERTIFICATE OF FUMIGATION คือใบรับรองการรมยา สำหรับสินค้าทุกชนิดที่ผลิตจากพืชหรือไม้ เพื่อเป็นการรับรองว่าสินค้าตัวนี้นั้นได้มีการรมยม เพื่อป้องกันเชื้อราหรือแมลง ที่สามารถจะเกิดขึ้นในการขนส่งสินค้า ในบางประเทศอาจจะมีการของใบรับรองการรมยานี้ด้วย
10.EXPORT CUSTOM ENRTY คือใบขนสินค้าขาออก ซึ่งจะแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับสินค้าทุกอย่างและช่องทางการขนส่ง สำหรับการส่งออกสินค้าทุกครั้งจะต้องมีใบนี้
11.PHYTOSANITARY CERTIFICATE (ใบรับรองการปลอดโรคและศัตรูพืช)คือเอกสารว่า สินค้าของเรานั้นจะปลอดภัยและจะไม่มีการระบาดของโรคพืชต่าง ๆ
12.CERTIFICATE OF ANALYSIS (ใบวิเคราะสินค้า)เป็นเอกสารทางวิทยาศาสตร์ ที่บอกให้ทราบถึงส่วนประกอบต่างๆที่มี่อยู่ในสินค้าและให้การรับรองสินค้าว่าสินค้าบางชนิดนั้นปลอดภัย
เอกสารอื่น ๆ ที่จำเป็น
ในกรณีที่ประเภทสินค้าของคุณไม่ถูกกำหนดให้เป็นสินค้าที่ต้องใช้เอกสารกำกับเพิ่มเติม ก็อาจส่งพัสดุออกไปยังต่างประเทศได้โดยใช้เพียงเอกสารตามข้างต้น
แต่หากสินค้าของคุณอยู่ในประเภทที่ต้องใช้เอกสารเพิ่มเติม อย่างเช่น หนังสือรับรองที่มาของสินค้าหรือใบสั่งแพทย์ ก็ต้องแนบเอกสารเหล่านี้ไปด้วย ไม่เช่นนั้นการนำออกจากศุลกากรที่ประเทศปลายทาง ก็อาจกลายเป็นเรื่องยุ่งยากขึ้น
สรุป
แม้ว่าที่ยกมาจะใช้เอกสารเพียง 10 รายการ แต่ในรายละเอียดของแต่ละประเภทสินค้า ก็ยังมีเอกสารอื่น ๆ ที่จำเป็นต้องใช้แตกต่างกันออกไป
หากต้องทำด้วยตนเองทั้งหมด ก็ถือว่ายุ่งยากและเสียเวลามากพอสมควรเลยทีเดียว แต่สำหรับท่านใดที่ต้องการตัวช่วย ก็ยังมีบริษัทขนส่งหรือบริษัทชิปปิ้งที่พร้อมให้คำแนะนำและเป็นผู้ช่วยที่ดีอยู่เช่นเดียวกัน ด้วยความชำนาญและประสบการณ์ในสายงาน จะช่วยให้การส่งสินค้าราบรื่นกว่าทำด้วยตนเองอย่างแน่นอน
สอบถามปัญหาของการนำเข้าและส่งออกสินค้าสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่
Tel : 033-005974, 063-2168555
Line : @gfreight
Email : [email protected]
https://www.goodfreight-th.com
เรายินดีที่จะให้คำปรึกษาบริการตอบปัญหาต่างๆ